วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วิธีกำจัดมด โดยไม่ใช้เคมี

วิธีไล่มดโดยไม่ใช้สารเคมี

1  พริก เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ไล่มดได้

สรรพคุณ : ไล่ มด เพลี้ยอ่อน หนอนผีเสื้อกะหล่ำ ไวรัส ด้วงงวงช้าง แมลง ได้

ประสิทธิภาพ : ผลสุกมีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง เมล็ดมีสารฆ่าเชื้อรา ใบและดอกมี สารยับยั้งการขยายตัวของไวรัส

วิธีทำ : นำพริกแห้งป่นละเอียด 100 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืนกรองเอาแต่น้ำ นำมาผสมน้ำสบู่ 1 : 5 ส่วน ใช้ฉีดพ่น ทุก7 วัน ควรทดลองแต่น้อย ๆ ก่อน และให้ใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจระคาย เคืองต่อผิวหนังของผู้ใช้ นำใบและดอกของพริกมาคั้นผสมน้ำไปฉีดพ่น เพื่อป้องกันการ ระบาดของไวรัส โดยฉีดก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัส

2  เปลือกไข่(shell)มีส่วนประกอบเกือบทั้งหมดเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต(CaCo3) มีลักษณะเป็นแท่งๆมาต่อกัน ตรงรอยต่อระหว่างแท่งจะไม่สนิทมีช่องว่างหรือรูพรุน(pores)เกิดขึ้นจำนวนมากบนเปลือกไข่ ประโยชน์เพื่อการแลกเปลี่ยนแก๊สและการระเหยของน้ำออกจากฟองไข่ในขณะฟัก ไข่ไก่แต่ละฟองจะมีรูพรุนเหล่านี้ประมาณ 6,000-8,000 รู
เปลือกไข่ด้านในจะติดสนิทอยู่กับเยื่อเปลือกไข่ โครงสร้างชั้นในสุดเรียกว่า basal cap ฝังติดอยู่ในเยื่อเปลือกไข่ชั้นนอก
ชั้นนอกสุดของเปลือกไข่จะมีสารอินทรีย์(organic material) ซึ่งเรียกว่า cuticle เคลือบที่ผิวของฟองไข่ทั้งหมด ในการสร้างเปลือกไข่แต่ละฟองนั้นจะใช้แคลเซียมประมาณ 2 กรัม
เปลือกไข่(shell) จึงประกอบด้วย3ส่วนคือcuticle ;spongy(calcareous)layer ;mammillare layer"


หลังจากรับประทานไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม แล้วอย่าลืมนำเปลือกไข่มาทำประโยชน์นะคะ เนื่องจากเปลือกไข่ที่เผาไฟแล้วบดละเอียด จะมีสารแคลเซียมเมื่อผสมกับน้ำก็จะได้แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นเบส(ด่าง) สามารถขับไล่มดได้ ขั้นตอนการทำ

1.เปลือกไข่ ล้างให้สะอาด เผาให้เหลืองและแห้งสนิท

2.ใส่เปลือกไข่ที่ย่างแล้วใส่ครก ตำให้ละเอียด

3.เทเปลือกไข่ลงในแก้ว 1 ส่วนแล้วเติมน้ำ 2 ส่วน

4.คนให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง

5.ใช้ฉีดพ่น หรือราดบริเวณรังมด

ข้อมูลจาก เกษตรพอเพียง

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ถั่วฝักยาว การปลูกและประโยชน์


ถั่วฝักยาว หรือชื่อวิทยาศาตร์ Vignaunguiculata subsp.Sesquipedalis เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นไม้เลื่อย ลำต้นเป็นเถาเลื้อยที่แข็งและเหนียว เถามีสีเขียว อ่อนลำต้นม้วนพันสิ่งยึดเกาะได้ดี ส่วนใบเป็นใบประกอบแบบฝ่ามือ มี 3 ใบย่อยรูปสามเหลี่ยมยาว 6-10 เซนติเมตร และมีดอกเป็นช่อดอกออกตามซอกใบกลียดอกมีสีขาว หรือสีน้ำเงินอ่อนฝักเป็นฝักกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1 เซนติเมตร ยาว 20-60 เซนติเมตร ในฝักจะมีเมล็ดอยู่จำนวนหนึ่งเป็นพืชที่เติบโตได้ดีชอบอากาศร้อน มีแสงแดดตลอดทั้งวัน และมีปริมาณ ฝนตกน้อยจึงสามารถเพาะปลูกได้ทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี

การเตรียมดิน เริ่มจากการไถพรวนดินลึก 20 -30 เซนติเมตร ใส่ปูนขาวหรือปุ๋ยคอก ตากแดดไว้สักราว 14 วัน จากนั้นจึงไถคราดใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองพื้น อัตราตารางเมตรละ 5 กิโลกรัม หรือ 2 ต้น/ไร่ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น จากนั้นใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม / ไร่ แล้วเตรียมแปลงปลูกขนาดกว้าง 1-1.20 เมตร x ความยาวตามพื้นที่ x สูง 15-20 เซนติเมตร เกลี่ยหน้าแปลงให้เสมอกัน

วิธีปลูก ขุดหลุมระยะห่างระหว่างหลุม 50 เซนติเมตร ระยะห่างแถว 70-100 เซนติเมตร ก่อนหยอดเมล็ดถั่วฝักยาวหลุมละ 3 เมล็ดแล้วกลบเมล็ดด้วยแกลบหรือปุ๋ยคอก 2-3 กำมือ / หลุม จากนั้นทำค้าง โดยนำไม้ค้าง ปักหลุมๆละ 1 อัน สูง 2-2.50 เมตร ปักเอียงเข้าหากึ่งกลางเป็นคู่ๆ แล้วมัดเข้าด้วยกันแล้วใช้ไม้ค้างพาดกลางมัดยึดอีกทีหนึ่งก่อนคลุมด้วยตาข่าย หลังปลูกได้ 7-15 วัน เมื่อเริ่มมีใบ 2-3 ใบให้เลือกต้นสมบูรณ์ ไว้ 2 ต้น/หลุม ซึ่งต้นถั่วจะเริ่มพันค้างในเวลา 15-20 วันหรือหากต้องการปลูก ในกระถาง ให้เตรียมส่วนผสมของดินปลูกในกระถาง เช่น ขี้เถ้าแกลบ ดินร่วน ทรายหยาบ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก มาผสมให้เข้ากันและพรมน้ำให้ชื้นค่อนข้างมากแต่ไม่ถึงขั้นชื้นแฉะ จากนั้นหยอดเมล็ดถั่วในกระถาง ๆ ละ 5เมล็ดห่างเท่าๆกันกดเมล็ดให้จมลงในดินลึกประมาณ 1 นิ้ว แล้วปักไม้ทำค้างความยาว ประมาณ 2 เมตร ในกระถาง

ถั่วฝักยาวมีโปรตีน วิตามินเอ ไทอามีน ไรโบฟลาวิน เหล็ก ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม นอกจากนั้นยังมีวิตามินซี โฟเลต แมกนีเซียม และแมงกานีส ถั่วฝักยาวปริมาณ 100 กรัมมีพลังงาน 47 แคลอรี ไม่มีไขมันและคอเลสเทอรอล โซเดียม 4 mg คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 8 g และโปรตีน 3 g วิตามินเอ 17%  เหล็ก 2%  วิตามินซี 31%  และแคลเซียม 5% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน  จึงนับได้ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากที่เดียว

เมนูจากถั่วฝักยาว ก็ทำได้หลากหลาย ทั้งกินดิบกินสุก จิ้มน้ำพริก แกงส้ม เจียวไข่ อีกสาระพัดเมนู

วอเตอร์เครส สลัดน้ำ กับผักเป็ดญี่ปุ่น

ผักเป็ดญี่ปุ่น

วอเตอร์เครส (Watercress) สลัดน้ำหรือผักน้ำ กับ ผักเป็ดญี่ปุ่น

วอเตอร์เครส ถูกนำเข้ามาในไทยโดยชาวจีนอพยพ โดยนำเข้ามาปลูกแพร่หลายในภาคเหนือและภาคใต้ของไทย ปลูกมากจนเป็นผักพื้นเมีองที่ เบตง ยะลา ลักษณะของวอเตอร์เครสจะคล้าย บัวบก แต่ใบจะเป็นใบประกอบ สรรพคุณและประโยชน์ของผักน้ำมีมาก จนถูกเรียกว่า ราชินีผักสำหรับคนรักสุขภาพ

ผักเป็ดญี่ปุ่น ถูกนำพันธุ์เข้ามาในไทยช่วงปี 2538-2539 และใช้ชื่อเรียกว่า วอเตอร์เครส เหมือนกัน ทำให้คนสับสน ดังนั้นที่ขายตามซุปเปอร์ฯ และปลูกกันทั่วไปที่จริงแล้ว คือ ผักเป็ดญี่ปุ่น ส่วนสรรพคุณและประโยชน์ยังไม่มีการศึกษา

เมนูสำหรับวอเตอร์เครส และผักเป็ดญี่ปุ่น มีหลากหลาย ทั้งเป็นผักสลัด แกงจืด ไข่เจียว ผักเคียงลวกจิ้มน้ำพริก และอื่นๆ อีก

วิธีกำจัดมด โดยไม่ใช้เคมี

วิธีไล่มดโดยไม่ใช้สารเคมี 1   พริก เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ไล่มดได้ สรรพคุณ : ไล่ มด เพลี้ยอ่อน หนอนผีเสื้อกะหล่ำ ไวรัส ด้วงงวงช้าง แมลง...